รถยนต์ไฮบริดใหม่ ภายใต้รุ่น ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera)

วิวัฒนาการแห่งสมรรถนะที่หลุดพ้นทุกข้อจำกัดจากปอร์เช่

 

 

สตุ๊ทการ์ท. มหกรรมยานยนต์ Paris Motor Show คือสถานที่ซึ่ง ปอร์เช่ พานาเมร่า(Panamera) จะปรากฎตัวออกสู่สายตา

สาธารณชนครั้งแรก รถสปอร์ตซาลูนสุดหรูล่าสุด พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera4 E-Hybrid) ที่มาพร้อมระบบขับ
เคลื่อน ล้อและศักยภาพในการขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้เป็นระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร พละกำลัง
สูงสุดกว่า 462 แรงม้า (340 กิโลวัตต์จากขุมพลังเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนhybrid อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง

ที่ประหยัดอย่างน่าอัศจรรย์ในระดับ 40 กิโลเมตรต่อลิตร (2.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรตามมาตรฐานการทดสอบอัตราบริโภค

ในรถยนต์ plug-in hybrid ของยุโรปหรือ NEDC ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์(Co2) เพียง 56 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น

พร้อมให้เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้

 

ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบเป็นระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร

 

สำหรับปอร์เช่ นิยามของคำว่า “hybrid” ไม่ได้มีความหมายแค่เพียงระบบขับเคลื่อนที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เท่านั้น แต่ยัง

หมายรวมถึงสมรรถนะการขับขี่ชั้นเลิศที่ไม่เคยลบเลือนไปจากยนตกรรมสายพันธุ์สปอร์ตเลยแม้แต่น้อย ข้อเท็จจริงที่ใช้ใน

การพิสูจน์คำกล่าวข้างต้นได้เป็นอย่างดี คือผลงานชัยชนะอันยอดเยี่ยมของรถแข่งปอร์เช่ 919 ไฮบริด (919 hybird) ในการ แข่งขัน Le Mans 24 ชั่วโมง ฤดูกาล 2015 และ 2016 ที่ผ่านมา เกียรติยศอันยิ่งใหญ่นี้ ได้ถูกถ่ายทอดมายังปอร์เช่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) อย่างไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย

 

รถยนต์ plug-in hybrid รุ่นใหม่จากปอร์เช่ สามารถเริ่มการทำงานได้จากระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางอย่างต่อเนื่องในสภาวะของยานพาหนะที่ปราศจากมลพิษหรือ zero-emission vehicle ได้เป็น

ระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร โดยยังคงทำความเร็วสูงสุดถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั่นจึงเป็นคำตอบว่าเพราะเหตุใดปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ จึงเป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่อยู่ในเรือนร่างของซาลูนสุดหรูอย่างแท้จริง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อประสิทธิภาพสูงของปอร์เช่ ทำหน้าที่รองรับความเร็วสูงสุดกว่า 278 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมทั้งถ่ายทอดแรงบิดมหา

ศาลในระดับ 700 นิวตันเมตรลงสู่พื้นถนนได้ทันทีที่ออกตัวจากจุดสตาร์ทโดยไม่ขึ้นต้องอยู่กับรอบการทำงานของ

เครื่องยนต์รถสปอร์ต hybrid ประตูคันนี้ ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในระยะเวลาเพียง 4.6 วินาทีเท่านั้น แรงบิดทั้งหมดได้รับการส่งต่อไปยังล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 อย่างสมบูรณ์โดยมีระบบช่วงล่างแบบถุงลม หรือ three-chamber air suspension ที่ให้เสถียรภาพในการทรงตัวอันยอดเยี่ยมพร้อมดุลยภาพระหว่างความนุ่มนวลสะดวกสบายและ

การบังคับควบคุมที่เฉียบคม

 

แนวคิดในการพัฒนาระบบ hybrid ใหม่ล่าสุดซึ่งมีพื้นฐานจากรถซูเปอร์สปอร์ตปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder)

 

สมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญอย่างแน่นอน ปอร์เช่พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ใหม่ ติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบhybrid ที่ได้รับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุด ถือได้ว่าเป็นปรากฎการณ์

ครั้งแรกของระบบขับเคลื่อนสุดล้ำยุคซึ่งไม่เคยมีการนำมาใช้งานในรถยนต์ระดับเดียวกันมาก่อน หลักการทำงานของระบบ

ดังกล่าวใช้พื้นฐานแนวคิดเช่นเดียวกันกับ ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) รถสปอร์ตที่เปี่ยมด้วยพละกำลังสูงสุดถึง 887 แรงม้า (652 กิโลวัตต์นอกจากนี้มันยังเป็นรถจากสายการผลิตปกติที่สามารถทำความเร็วต่อรอบสนามได้ดีที่สุดบนNurburgring Nordschleife สร้างสถิติอันยากที่จะมีใครทำลายได้ที่ 6:57 นาทีต่อรอบสนาม ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ด้วยพละกำลัง

ที่ได้รับเพิ่มเติมจากระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงถึง 2 ชุดด้วยกัน

 

และเช่นเดียวกันกับ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ด้วยกำลังเสริมจากชุดมอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มให้ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่อีกกว่า 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสได้ถึง

ความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเมื่อปลายเท้าสัมผัสแป้นคันเร่งเท่านั้น ในขณะเดียวกับที่ พานาเมร่า (Panamera) รุ่นก่อน ผู้ขับขี่จำเป็นต้องเหยียบคันเร่งลงถึง 80% ของระยะการทำงานจึงจะสามารถดึงเอาพละกำลังเสริมจากชุดขับเคลื่อนด้วย

ไฟฟ้าดังกล่าวมาใช้งานได้ แต่สำหรับในตอนนี้ ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) รุ่นใหม่ติดตั้งชุดมอเตอร์ไฟฟ้าที่ผสานการ

ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันกับเครื่องยนต์เบนซินได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ข้อจำกัดใดๆพร้อมให้สมรรถนะการขับขี่และประสิทธิ

ภาพของระบบขับเคลื่อนทั้ง 2 ได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มี่ที่ติ ในลักษณะการทำงานแบบเดียวกันกับชุดมอเตอร์ไฟฟ้าใน 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ที่ให้ศักยภาพในการเสริมพละกำลังเครื่องยนต์ได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ทั้งนี้จากการปฏิบัติหน้า

ที่ประสานเป็นหนึ่งเดียวกันเข้ากับเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาดความจุ 2.9 ลิตรไบเทอร์โบ (330 แรงม้า/243 กิโลวัตต์/แรงบิด 450 นิวตันเมตรจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ปอร์เช่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ใหม่ จะมีพละกำลังที่ยอดเยี่ยมเต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะอันสุดแสนประทับใจ ตอบสนองทุกสไตล์การขับขี่และรองรับทุกเส้น

ทางที่ต้องเผชิญได้เป็นอย่างดีจากแหล่งกำเนิดพลังชั้นเลิศทั้งชุดมอเตอร์ไฟฟ้าและระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์
ประสิทธิภาพสูง

 

นอกจากนี้พลังงานที่ได้จากชุดขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าใน พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด(Panamera 4 E-Hybrid) นั้นยังมีส่วนสำคัญ

ในการถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มอัตราความเร็วสูงสุดที่รถคันนี้สามารถทำได้อีกด้วย และนี่คือนิยามใหม่ล่าสุด ของระบบขับเคลื่อน hybrid แห่งอนาคตจากปอร์เช่ “E-Performance” ระบบขับเคลื่อนล้ำยุคที่ให้พละกำลังมากยิ่งขึ้น เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้ดี

ยิ่งขึ้น พร้อมอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ประหยัดอย่างน่าอัศจรรย์ สิ่งนี้ราวกับจากโลกอนาคต

 

 

ชุดขับเคลื่อน hybrid ใหม่ล่าสุด พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ PDK จังหวะ

 

ด้วยการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่ซึ่งคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยปอร์เช่ผสานพลังร่วมกันกับเครื่องยนต์
เบนซิน V6 สมรรถนะสูง พร้อมระบบ electric clutch actuator (ECA) นวัตกรรมเทคโนโลยีทางวิศวกรรมยานยนต์ที่ได้รับ

การติดตั้งลงใน ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ ทำงานด้วยการควบคุมของชุดelectro-mechanically ซึ่งให้การตอบ

สนองที่แม่นยำฉับไวมากกว่าการควบคุมด้วย electro-hydraulic แบบเดิมใน พานาเมร่า (Panamera) รุ่นก่อนหน้า จึงเป็น

ที่มาของการถ่ายทอดกำลังที่มีความรวดเร็วและเฉียบคมมากยิ่งขึ้น

 

เช่นเดียวกับยนตกรรมปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) เจเนอเรชั่นที่ 2 ในรุ่นอื่นทั้งหมดล้วนแล้วแต่ได้รับการติดตั้งระบบ

เกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ Porsche Doppelkupplug หรือ PDK แบบ 8 จังหวะ รับหน้าที่ในการถ่ายทอดพละกำลังมหาศาลจาก

เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าลงสู่ล้อทั้ง 4 อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งนี้เกียร์อัตโนมัติ PDK ถูกมอบหมายให้ประจำ

การแทนเกียร์อัตโนมัติแบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ (Torque Converter) ซึ่งติดตั้งอยู่ในพานาเมร่า (Panamera) รุ่นก่อนหน้า

นี้

 


ชุดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้านั้นได้รับพลังงานจากการจ่ายผ่านแหล่งพลังงานแบบแบตเตอรี่ระบายความร้อนด้วยของ
เหลวหรือ liquid-cooled Lithium-ion battery ถึงแม้แบตเตอรี่ดังกล่าว (ซึ่งได้รับการติดตั้งอยู่บริเวณพื้นตัวถังใต้ห้องเก็บสัม

ภาระท้ายรถจะมีอัตราความจุพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 9.4 กิโลวัตต์ชั่วโมงในรุ่นเดิม เป็น 14.1 กิโลวัตต์ชั่วโมงในรุ่นใหม่

ก็ตาม แต่กลับมีน้ำหนักที่ไม่แตกต่างกัน คุณสามารถชาร์จแบตเตอรี่แรงดันสูงดังกล่าวได้จนเต็มความจุพลังงานไฟฟ้าภาย
ในระยะเวลาเพียง 5.8 ชั่วโมง ด้วยสายชาร์จขนาด 230-V, 10-A สำหรับในกรณีที่ผู้ขับขี่เลือกใช้อุปกรณ์ชาร์จพลังงานไฟฟ้า

แบบพิเศษ 7.2 kW on-board charger และสายชาร์จขนาด 230-V, 32-A แทนอุปกรณ์แบบมาตรฐาน 3.2 kW ในปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) นั้น จะสามารถทำการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มความจุพลังงานไฟฟ้าได้ภายในระยะเวลาเพียง 3.6 ชั่วโมงเท่านั้นขั้นตอนการชาร์จพลังงานดังกล่าวสามารถตั้งค่าในการกำหนดเวลาได้ผ่านระบบPorsche Communication Management หรือ PCM ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับปอร์เช่ พานาเมร่า อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ยังได้รับการติดตั้ง

ระบบปรับอากาศแบบตั้งการทำงานอัตโนมัติซึ่งสามารถควบคุมการทำงานทั้งระบบทำความเย็นและระบบทำความร้อนให้
แก่ห้องโดยสารในระหว่างการชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้อีกด้วย

 

แนวคิดของระบบควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานล้ำยุค Porsche Advance Cockpit และหน้าจอพิเศษแสดงสถานะ

การทำงานของระบบขับเคลื่อน hybrid

 

อุปกรณ์ที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษอย่างหนึ่งของปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) เจเนอเรชั่นล่าสุด คือผลงานในการออก

แบบและพัฒนาหน้าจอแสดงผลและฟังก์ชั่นควบคุมการทำงานตามหลักแนวคิดใหม่ของปอร์เช่ หรือ Porsche Advance Cockpit ซึ่งมาพร้อมแผงควบคุมระบบสัมผัสล้ำอนาคต และหน้าจอแสดงผลที่แบ่งแยกการทำงานโดยเฉพาะในแต่ละระบบ

ภายในห้องโดยสารประกอบด้วยจอภาพความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว 2 ตัวซึ่งได้รับการติดตั้งลงในชุดแผงหน้าปัดโดยมี

มาตรวัดรอบเครื่องยนต์แบบเข็มสุดคลาสสิกคั่นกลางระหว่างหน้าจอทั้ง 2 และอีกหนึ่งความพิเศษสุดซึ่งคุณจะสามารถพบ

ความแตกต่างจาก พานาเมร่า (Panameraรุ่นอื่นๆ ได้ในปอร์เช่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) เท่านั้น คือหน้าจอ power meter สำหรับแสดงสภาวะการทำงานของระบบขับเคลื่อน hybrid โดยเฉพาะ หน้าจอดังกล่าวสามารถ

บอกสถานะการทำงานของระบบขับเคลื่อน hybrid ให้แก่ผู้ขับขี่รับทราบได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่ายในลักษณะเดียวกับ

อุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ในรถซูเปอร์สปอร์ต ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) นั่นเองหน้าจอ power meter ดังกล่าวจะ แสดงข้อมูลได้หลากหลาย อาทิเช่น ปริมาณของพลังงานไฟฟ้าที่ถูกใช้งานอยู่ในขณะนั้น หรือ ปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่ได้

รับการชาร์จคืนกลับ

 

หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว รับหน้าที่ในการควบคุมการทำงานระบบ PCM พร้อมแสดงผลทั้งหมด ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึง

ข้อมูลของการทำงานจากระบบขับเคลื่อนแบบ hybrid ที่มีความหลากหลายได้ ทั้งจากหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงดังกล่าว

หรืออ่านข้อมูลจากชุดแผงหน้าปัด ฟังก์ชั่นพิเศษ boost assistant และ hybrid assistant ออกแบบให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้ง่ายและ

เปี่ยมไปด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โดย boost assistant จะทำหน้าที่แสดงพลังงานที่สามารถใช้ได้ในขณะนั้น สำหรับ

Hybrid assistant ทำหน้าที่ให้ข้อมูลการประมวลผลของสัญญาณจากหลายแหล่งที่เกี่ยวข้องกับกำลังขับเคลื่อนจากพลังงาน

ไฟฟ้า

 

Hybrid Auto” รูปแบบการขับขี่ที่ตอบรับประสิทธิภาพเหนือระดับ

 

ชุดแต่งสปอร์ต โครโน (Sport Chrono Package) ติดตั้งพร้อมชุดสวิทช์เลือกรูปแบบการขับขี่บนพวงมาลัย สำหรับปอร์เช่
พานาเมร่า อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) นั้นมีความแตกต่างไปจากอุปกรณ์ดังกล่าวใน พานาเมร่า (Panaemra) รุ่นอื่น โดยทั่วไปสวิทช์เลือกรูปแบบการขับขี่หรือmode switch และระบบควบคุมการติดต่อสื่อสารหรือ Porsche 
Commnication Management เปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้งานรูปแบบการขับขี่ได้หลากหลายลักษณะ ซึ่งรูปแบบ

หรือ mode ที่คุ้นเคยกันดีได้แก่ “Sport” และ “Sport Plus” ซึ่งรูปแบบดังกล่าวถูกติดตั้งลงในปอร์เช่ พานาเมร่า (Panaemra) รุ่นอื่นที่มาพร้อมชุดแต่งสปอร์ต โครโนสำหรับรุ่น hybrid ได้รับการเพิ่มเติมเป็นพิเศษด้วยรูปแบบการขับขี่ “E-Power”, 
“Hybrid Auto”, “E-Hold” และ “E-Charge”

 

ทั้งนี้ปอร์เช่ พานาเมร่า อี-ไฮบริด (Panamera E-Hybrid) จะตั้งค่าการทำงานเริ่มต้นอัตโนมัติทุกครั้งเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์

ด้วยรูปแบบการขับขี่จากพลังงานไฟฟ้า 100% ใน mode “E-Power” ในส่วนของmode “Hybrid Auto” นั้นเป็นรูปแบบการ

ขับขี่ที่ได้รับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นใหม่ เมิ่อผู้ขับขี่เลือกใช้งานรูปแบบดังกล่าว พานาเมร่า (Panaemra) จะปรับตั้งการ
ทำงานของระบบขับเคลื่อนทั้งหมดโดยอัตโนมัติเพื่อรองรับการขับขี่ที่ให้ประสิทธิภาพในการประหยัดสูงสุด

 

รูปแบบการขับขี่ “E-Hold” เปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการทำงานของระบบการชาร์จพลังงานได้อย่างเต็มที่ พร้อม

รองรับการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ของรถยนต์ปราศจากมลพิษหรือ zero-emissions mode ตัวอย่างเช่นในกรณีที่มี

ความจำเป็นต้องเดินทางในเขตพื้นที่ที่มีความเข้มงวดในเรื่องสภาพแวดล้อม สำหรับ“E-Charge” mode เครื่องยนต์ เบนซิน V6 จะรับบทบาทในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าคืนกลับให้แก่ระบบ ในการเลือกใช้งานรูปแบบการขับขี่ลักษณะนี้เครื่องยนต์

เบนซินอาจทำงานมากกว่าความต้องการใช้กำลังจากเครื่องยนต์เพื่อรองรับการขับขี่ในขณะนั้น     

 

 

รูปแบบการขับขี่ที่เน้นสมรรถนะสูงสุดนั้นอยู่ใน mode การทำงานที่เรียกว่า “Sport” และ “Sport Plus” เครื่องยนต์ V6 ไบเทอร์โบ จะทำงานอย่างเต็มที่ต่อเนื่องเมื่อเลือกใช้ลักษณะการขับขี่ในรูปแบบทั้งสอง สำหรับ “Sport” อัตราการชาร์จพลัง

งานไฟฟ้าคืนกลับไปยังแบตเตอรี่นั้นจะถูกกำหนดให้อยู่ในระดับที่ต่ำสุดเพื่อให้แน่ใจว่าระบบขับเคลื่อนจะมีกำลังสำรองเพียงพอในการตอบสนองและรองรับการขับขี่แบบเน้นสมรรถนะอยู่ตลอดเวลาทุกครั้งที่ผู้ขับขี่ต้องการ

 

ในส่วนของรูปแบบการขับ “Sport Plus” mode จะเป็นลักษณะการทำงานที่สมรรถนะสูงสุด ปลดปล่อย พานาเมร่า 
(Panamera) ให้ทำความเร็วสูงสุดทะลุขีดจำกัดจนถึงระดับ 278 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในรูปแบบการขับขี่นี้ระบบจะทำการ

ชาร์จพลังงานในอัตราที่รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ จากการช่วยเหลือของเครื่องยนต์เบนซิน V6

 

ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) เจเนอเรชั่นที่สองประกอบด้วย พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) 550 แรงม้า/404 กิโลวัตต์ พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4S) 440 แรงม้า/324 กิโลวัตต์ และพานาเมร่า อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid462 แรงม้า/340 กิโลวัตต์ จากสองระบบขับเคลื่อน ทั้ง 3 รุ่นคือตัวแทนของการผสมผสานรถสปอร์ตสมรรถนะสูงสายพันธ์แท้

ให้เป็นหนึ่งเดียวกับรถแกรนทัวริ่งที่เพียบพร้อมไปด้วยความหรูหราควบรวมเอาที่สุดแห่งการขับขี่เข้ากันอย่างดีเยี่ยมกับ

ความสะดวกสบายเหนือระดับ

 

พบกับรูปภาพประกอบสำหรับรถยนต์ปอร์เช่ รุ่นต่างๆ ได้ที่ Porsche Newsroom (http://newsroom.porsche.de) และ Porsche press database (https://presse.porsche.de)

 

ปอร์เช่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid)อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง 40 กิโลเมตรต่อลิตร (25 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) 56 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า 15.9 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร *ผลการทดสอบอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของยางรถยนต์ที่ใช้

 

ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo)อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง 10.6 – 10.7 กิโลเมตรต่อลิตร, (9.4-9.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยสำหรับการขับขี่ในเมือง 7.7 – 7.8 กิโลเมตรต่อลิตร (12.9-12.8 ลิตรต่อ100 กิโลเมตรสำหรับการขับขี่นอกเมือง 13.6 – 13.8 กิโลเมตรต่อลิตร (7.3-7.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) 214 - 212 กรัมต่อกิโลเมตร

 

ปอร์เช่ พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4S)อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 12.1 – 12.3 กิโลเมตรต่อลิตร, (8.2-8.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยสำหรับการขับขี่ในเมือง 9.8 – 9.9 กิโลเมตรต่อลิตร (10.2-10.1 ลิตรต่อ100 กิโลมตรสำหรับการขับขี่นอกเมือง 14.7 – 14.9 กิโลเมตรต่อลิตร (6.8-6.7 ลิตรต่อ 100 กิโลมตรค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) 186 - 184 กรัมต่อกิโลเมตร

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นิชคาร์กรุ๊ป รวมพลลูกค้าซุปเปอร์คาร์หรู จัดงานเลี้ยงปีใหม่ชื่นมื่น

ซูซูกิ เปิดโชว์รูม Big Bike Central Bangkok ย่านพระราม 3 อย่างยิ่งใหญ่

พิธีเปิดบริษัท เท็น ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด กล้วยน้ำไท โดยมีคุณกร ทัพพะรังสี ร่วมงาน